บันทึกชิ้นนี้ถอดจากความรู้สึกส่วนตัว และคำสัมภาษณ์ผู้ร่วมชุมนุมทางการเมืองในรอบหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งว่ากันตามตรง นี่เป็นการเรียบเรียงเนื้อหาที่อุดมไปด้วยทัศนคติและความคิดเห็น ทว่าในรายละเอียดต่างๆ ก็สะท้อนข้อเท็จจริงบางอย่างที่ว่าใครคือต้นตอและอยู่เบื้องหลังการชุมนุมอย่างที่ ‘ผู้หลักผู้ใหญ่’ พร่ำสอน และพูดออกสื่ออยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
สั้นๆ ง่ายๆ ก่อนจะลงรายละเอียด การชุมนุมในครั้งนี้ เป็นเหมือนเฟสติวัลของความหลากหลาย ซึ่งผู้เขียนเอ็นจอยไปกับมัน
ผมชอบหลายเรื่องนะคือคนมันเยอะมากและมันรู้สึกถึงพลัง ผมนั่งแกรบวินไปแล้วมองเห็นข้างทาง คือแบบทุกคนใส่เสื้อดำแล้วมุ่งหน้าไปอนุสาวรีย์กันแบบโคตรเยอะ แค่นี้ก็รู้สึกว่ามันคือพลังแล้ว
ครีเอทีฟหนุ่ม วัย 28 ปี หนึ่งในผู้ร่วมชุมนุมกล่าว
ว่ากันตามตรงการชุมนุมไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อะไรนักสำหรับคนวัยเลขสองนำหน้าเลยไปจนถึงใกล้เลขสาม หรือ เฟิร์ส จ๊อบเบอร์ (First Jobber) ซึ่งเป็นช่วงวัยเดียวกันกับผู้เขียน เราต่างเคยเห็นการชุมนุมผ่านทางโทรทัศน์มาตั้งแต่เด็ก ทั้งกลุ่มพันธมิตร กลุ่ม นปช. กลุ่มเสื้อหลากสี ไปจนถึง กปปส. และอีกมากมายหลากหลายกลุ่มที่ถูกพูดถึงในสื่อกระแสหลักไม่มากนัก แต่ก็เช่นเดียวกับกลุ่มนักเรียนและนักศึกษา สารภาพเลยว่าการชุมนุมในช่วงที่ผ่านมานี้เป็นก้าวย่างแรกที่ผู้เขียนได้มีประสบการณ์ร่วม และเมื่อมองด้วยตาเปล่าแล้ว ก็คิดว่าหลายๆ คนคือ ‘เฟิร์ส ม๊อบเบอร์’ เช่นเดียวกับเรา
แต่ไม่ใช่ทั้งหมด เพราะเราพบว่าผู้ร่วมชุมนุมในหลายๆ ครั้งไม่ได้มีเพียงเยาวชนเท่านั้น เราได้พบเห็นมวลชนที่อยู่ในวัยกลางคนไปจนถึงผู้เฒ่าผู้แก่เข้าร่วมด้วยเช่นกัน หากจะกล่าวว่านี้คือม๊อบของคนรุ่นใหม่ ก็คงไม่ผิดอะไรที่จะตีความคำว่า ‘คนรุ่นใหม่’ ในที่นี้ไม่ได้ถูกแบ่งด้วยอายุขัย แต่เป็นทัศนคติและอุดมการณ์ต่างหาก ที่สะท้อนว่าไม่ว่าคุณจะอายุเท่าไหร่ หากมุมมองไม่คร่ำครึ และคาดหวังถึงประเทศที่มีประชาธิปไตยและโปร่งใสกว่านี้ ก็สามารถนับรวมว่าเป็นคนรุ่นใหม่ได้เช่นกัน
ลุงๆ ในที่ชุมนุมหลายๆ คนก็แบบ อยากเล่าเรื่อง อยากระบาย เห็นคนถือกล้องเดินผ่านก็แบบว่า มาถ่ายสิ มาเลย แล้วก็ตะโกนเล่าเรื่องราวที่อยู่ในใจของเขาออกมา เหมือนทุกคนมีอะไรในใจมีเป้าหมายอะไรบางอย่าง และหลายคนก็เลือกที่จะแสดงออกผ่านป้าย การแต่งตัว และกิจกรรมต่างๆ…
หนุ่มออฟฟิศ ชาวเชียงใหม่ ที่ใช้ชีวิตอยู่กับความหลากหลายของผู้คนในกรุงเทพฯ กล่าว
นอกเหนือจากการรวมตัวกันเพื่อประกาศ 3 ข้อเรียกร้อง, 2 จุดยืน และ 1 ความฝัน อีกสิ่งที่เป็นพลวัตรสำคัญของการชุมนุม คือการแสดงออกถึงอัตลักษณ์อันหลากหลายของผู้ร่วมชุมนุมตามหลักประชาธิปไตย เราได้เห็นพื้นที่ของกลุ่ม LGBT ไปจนถึงกลุ่มโอตาคุ รวมถึงข้อเสนอว่าด้วยการเปิดกว้างทางศาสนา ไม่นับรวมแนวร่วมด้านศิลปวัฒนธรรมบนเวทีและตามจุดต่างๆ ทั้งบูธดีเจ, วงดนตรีฮิปฮอป, ร็อคแอนด์โรล ฯลฯ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าหมดยุคของการประท้วงด้วยเพลงหงา-คาราวาน แล้ว…
และดังที่บอก…นี่มันเฟสติวัลชัดๆ
ผู้คนสามารถมองเห็นความเพียว (Pure) ในงานครั้งนี้ จากกิจกรรมอาสาต่างๆ ภายในงาน ที่อยู่ๆ ก็มีคนตะโกนมากลางงานชนิดที่ว่าทำเอาผู้คนตกใจ “ขออาสา 20 คนแข็งแรง ไปยกข้าวมาแจก” นอกเหนือไปจากภาพของการแสดงความคิดเห็นก็เป็นภาพของแรงงานแบกหามนี่แหละทีเป็นภาพจำ ภาพจำอีกอย่างก็คือความมั่วและ Unorganized ของผู้จัดนี่แหละที่ผู้ร่วมงานหลายคนให้คะแนนเป็นลบ…
ผมเข้าไม่ถึงเวทีใหญ่อะ คนมันเยอะมาก เบียดไปยาก และพอไกลหน่อยก็ไม่ได้ยิน ดีที่ Vibe รอบๆ มันเหมือนมีเวทีเล็กๆ กระจายตัวกันอยู่ ซึ่งหลากหลายดี แต่ก็นั่นแหละถ้า Main Message อยู่ที่เวทีหลัก ก็เป็นเรื่องที่ต้องกังวลนิดนึงว่าการจัดการแบบนี้จะเอาคนอยู่ไหม แอบได้ยินคนข้างๆ ก็บ่นร้อน ก็นั่นแหละเฟสติวัลอะเนาะ แต่ก็เข้าใจและไปสนุกกับความหลากหลายอื่นๆ รอบตัวแทน แปลกดี…
“สำคัญมากๆ เลยคือรอบหน้ามันจะยังแปลกและสนุกสำหรับผมอยู่ไหม เพราะถ้าไม่มีอะไรพวกนี้มันร้อน มันเหนื่อยว่ะ ไม่อยากเบียด
เฟิร์ส ม๊อบเบอร์ท่านหนึ่งเล่ายาวถึงการมีส่วนร่วมในงาน สะท้อนข้อความที่ว่าไม่มีใครอยากไปม๊อบหรอก ถ้าไม่เหลืออดจริงๆ เฉกเช่นป้ายๆ หนึ่งที่เขียนว่า ‘It’s so bad even introverts are here’
“คือมันดีสัดๆ อะมึง” สาวนักโฆษณาท่านหนึ่งพูดด้วยความปลื้มปีติ ซึ่งจะว่าไปก็ตรงตามความรู้สึกของผู้เขียน บอกตามตรงเบื้องหลังของผู้ชุมนุมก็คือความหวังที่จะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงนี่แหละอย่างน้อยที่สุดก็กูคนหนึ่ง
บันทึกเหตุการณ์โดย วรท ไชยคุณา
ภาพถ่ายโดย อัครชัย อังศุโภไคย
ศิลปินสะท้อนวิกฤตโลกร้อนอย่างตรงไปตรงมาผ่านสัญลักษณ์ถุงพลาสติกสีดำที่ห่มคลุมทั้งปลาวาฬ ใบหน้าของหนุ่มสาวที่กำลังจูบกัน
Henry Baumann ศิลปินจากเบอร์ลินผู้ขยันเปลี่ยนวัสดุที่คุ้นชินสู่งานทัศนศิลป์ประหลาดล้ำ โดยผลงานล่าสุดที่มีชื่อว่า ‘2’ เขายังคงยึดมั่นในกระบวนการศิลปะแบบเดิมด้วยการเปลี่ยนวงล้อมวนสายไฟ (wooden drum) ให้กลายเป็นประติมากรรมในลักษณะปล่องไม้ทรงโค้ง