5 เรื่องเพี้ยนแต่จริงของร็อกเกอร์คราบลุง Fred Durst - Limp Bizkit
เทศกาลดนตรี Lollapalooza 2021 ที่ชิคาโก้เพิ่งจะผ่านพ้นไปพร้อมภาพผู้ชมเรือนแสนที่เอ็นจอยกับคอนเสิร์ตอย่างสุดเหวี่ยง (ขณะที่บางประเทศยังไร้ความหวังเรื่องวัคซีน)
แต่อีกภาพที่โดดเด่นจนเป็นที่ฮือฮา ใช้เวลาไม่นานในการกลายเป็นทอล์คออฟเดอะทาวน์ของชาวร็อก คือภาพคุณลุงผมหงอกที่ยืนตระหง่านเป็นฟรอนต์แมนอยู่หน้าสมาชิกวงนูเมทัลชื่อดัง Limp Bizkit - ไม่ใช่ใครที่ไหน เฟร็ด เดิร์สต์ นักร้องนำคนเดิมนี่แหละ
ไม่ให้ฮือฮาได้ไง ในเมื่อภาพจำตลอดมาของเฟร็ด-ผู้เป็นประหนึ่งสัญลักษณ์ของนูเมทัล-คือนักร้องมาดซ่าที่มาพร้อมหมวกแดงและเสื้อผ้าตัวใหญ่ๆ ไม่ใกล้เคียงกับคุณลุงบนเวทีคนนี้เลยแม้แต่น้อย
แต่ถ้าถามแฟนเพลงปีลึกของ Limp Bizkit ว่าแปลกใจไหม หลายคนก็คงส่ายหัว เพราะรู้อยู่แล้วว่าเฟร็ดเป็นคนกวนตีนโดยธรรมชาติ ขยันสร้างวีรกรรมเพี้ยนๆ ประหลาดๆ มาตลอด กะอีแค่เปลี่ยนลุคนี่ธรรมดามาก
อะ เผื่อจะจำกันไม่ได้ว่าคุณลุงเขาสุดแค่ไหน เราขอทวนความจำแบบคร่าวๆ ด้วย 5 เรื่องเพี้ยนแต่จริงของเฟร็ด เดิร์สต์ จะได้ไม่ลืมว่าทำไมใครๆ ถึงหมายหัว เอ้ย! ถึงเรียกเขาว่าไอ้เฟร็ดเข้ เอ้ย! ไอ้ตัวแสบแห่งวงการนูเมทัล
ออกอัลบั้มทิพย์ที่ไม่มีใครได้ฟัง
ถึงจะโลดแล่นอยู่ในวงการดนตรีมากกว่า 20 ปี แต่ Limp Bizkit กลับออกอัลบ้ัมเต็มมาเพียง 5 ชุด แถมชุดล่าสุดอย่าง Gold Cobra ก็ต้องย้อนไปถึงปี 2011 โน่น
แต่! จริงๆ วงปล่อยอัลบั้มที่ 6 มาแล้ว เพียงแต่ไม่มีใครเคยได้ฟัง เพราะมันคืออัลบั้มทิพย์ที่ไม่มีอยู่จริง (อะไรกันวะเนี่ย)
เฟร็ด เดิร์สต์เป็นคนเอ่ยปากเองเมื่อกรกฎาคม 2017 ว่าวงปล่อยอัลบั้มใหม่ ‘Stampede of the Disco Elephants’ ให้ฟังแบบฟรีๆ ในเว็บไซต์ Soulseek ได้ปีครึ่งแล้ว
“ขึ้นอยู่กับว่า พวกคุณจะหามันเจอหรือเปล่า รู้จักเกม ‘Dig Dug’ ไหม สุดยอดเกมจากยุค 80 น่ะ มันคือแบบนั้นเลย ลองหาดู”
แต่หายังไงก็ไม่เจอหรอก เพราะมันไม่มีอยู่จริง มีเพียงข่าวคราวการทำงานในห้องอัด กับ 4 ซิงเกิลที่ทยอยปล่อยมาลอยๆ ตั้งแต่ตุลาคม 2012 ถึงสิงหาคม 2014 ให้ฟังวนกันจนเบื่อ
“ผมไม่รู้จริงๆ ว่าเขาเอาอะไรมาพูด” เวส บอร์แลนด์ ขุนขวานพันธุ์ดุแห่ง Limp Bizkit กล่าวถึงเพื่อนร่วมวงแบบงงๆ
โดนโทษแบนจากร้าบานยูเครน 5 ปี
เมื่อปี 2015 เฟร็ดพยายามทำเรื่องขอสัญชาติรัสเซีย เพื่อจะได้เข้าไปอยู่ในไครเมีย (ที่เพิ่งเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซียในปี 2014) ปักหลักถ่ายทำหนังเรื่องใหม่ที่ตัวเองกำกับ
ซึ่งวิธีที่เขาทำ คือร่างจดหมาย ‘อวยยศ’ ผู้นำของดินแดนหมีขาวอย่าง วลาดิเมียร์ ปูติน ชนิดเลียตั้งแต่ตินยันหัว “เขาเป็นคนที่เปี่ยมไปด้วยศีลธรรม แถมยังไนซ์มากๆ ด้วย” ขณะที่ทวิตเตอร์ของสถานทูตรัสเซียที่อังกฤษ ก็โพสต์เวลคั่มเฟร็ดอย่างอบอุ่น
บังเอิ๊ญ..ในเวลาไล่เลี่ยกัน ก็มีเซเลบในวงการบันเทิงอีกหลายคนที่เป็นสลิ่ม เอ้ย! ที่มีท่าทีซัพพอร์ตรัสเซีย ไม่ทางตรงก็ทางอ้อม
ประเด็นคือ ในเวลานั้นข้อพิพาทเรื่องการถือครองดินแดนไครเมียระหว่างรัสเซียกับยูเครนยังร้อนระอุ ร้าบานยูเครนจึงลงมือ ‘แบน’ เซเลบเหล่านี้ ไม่ให้เข้ายูเครนเป็นเวลา 5 ปี ด้วยเหตุผลว่า “เพื่อรักษาความมั่นคงของรัฐ” ซึ่งลุงเฟร็ดก็เข้าข่ายนี้เต็มๆ เลยโดนขึ้นแบล็คลิสต์โดยปริยาย
แต่มากกว่านั้น ในเวลาต่อมา การวางจำหน่ายเพลงของ Limp Bikit ยังถือว่าผิดกฎหมายที่ยูเครนด้วย ซวยสองต่อเลย
จัดปาร์ตี้เพลงแจ๊ส โดยมี La La Land เป็นแรงบันดาลใจ
“เชี่ย!” น่าจะเป็นคำอุทานที่เหมาะสมที่สุดเมื่อรู้ว่านูเมทัลสตาร์ผู้แข็งกร้าวห้าวเป้งอย่างเฟร็ด เดิร์สต์ มีโปรเจ็กต์ส่วนตัวที่โคตรไม่เข้ากับลุคตัวเอง อย่างการ ‘จัดปาร์ตี้เพลงแจ๊ส’
แปลกแต่จริง เฟร็ดหลงใหลในเสน่ห์ของเพลงแจ๊สมาแต่ไหนแต่ไร จนสบจังหวะและเวลา ที่งานหลักกับ Limp Bizkit พับอยู่พอดี เขาจึงแอบมาสานฝันเล็กๆ ของตัวเองให้เป็นจริง ด้วยการออกทั้งเงินและแรง จัดปาร์ตี้แจ๊ส-แฟนซีที่ร้านคอกเทลบาร์ Black Rabbit Rose ในแอลเอ
แต่ก็ไม่ใช่แค่แพชชั่นส่วนตัวเพียงอย่างเดียวที่ทำให้ปาร์ตี้นี้เกิดขึ้นได้ เฟร็ดยังมองเห็น ‘โอกาส’ ที่จะดึงดูดคนกลุ่มใหม่ๆ เข้ามานั่งฟังเพลงแจ๊สสดๆ จากความนิยมในวงกว้างของหนังเรื่อง La La Land (2016) ที่พระเอกในหนังก็เปิดคลับแจ๊สของตัวเองเช่นกัน
“ผมชอบในเอเนอจี้ของแฟนเพลงแจ๊สรุ่นใหม่ๆ มาก อารมณ์ร่วมของพวกเขามันสุดยอด บวกกับการมาของ La La Land อีก ทุกอย่างมันพอดิบพอดีไปหมดอย่างเหลือเชื่อ ผมคิดว่าเวลานี้แหละ โอเคที่สุดแล้วที่จะทำสิ่งนี้”
ปาร์ตี้จัดอย่างต่อเนื่องร่วมปีในทุกคืนวันพฤหัส และความที่ตัวบาร์ก็เป็นที่รู้จักในแวดวงคนฟังและนักร้องนักดนตรีแจ๊สอยู่แล้ว จึงมีหลายๆ คืนที่มีแขกรับเชิญเป็นคนดัง โผล่ขึ้นมาแจมบนเวทีแบบแรนด้อมๆ
เช่น เลดี้ กาก้า ที่ขึ้นมาร้อง Fly Me to the Moon แบบงงเป็นไก่ตาแตกกันหมด ทั้งคนร้อง คนฟัง และเจ้าของงาน
แก่จริงหรือเพียงแกง
เฟร็ด เดิร์สต์ โพสต์อวดลุคใหม่สุดแปลกตาในอินสตาแกรมส่วนตัว ไม่กี่วันก่อนจะนำชาวคณะ Limp Bizkit ไประเบิดความมันส์ต่อหน้าคนเป็นแสนๆ ที่เทศกาลดนตรี Lollapalooza 2021
จากหนุ่มมาดแบดที่มักสวมหมวกสีแดงและเสื้อยืดตัวโคร่งๆ จนเป็นภาพจำของคนฟังเพลงร็อกยุค 2000 เฟร็ดเปลี่ยนตัวเองใหม่แบบหมดจด ปรากฏตัวในลุคสุดแก่ ผมสีดอกเลา หนวดเครายุ่งๆ และเสื้อเชิ้ตสีซีดๆ (ที่มองไวๆ ก็แอบนึกถึงชุดไทยอยู่นะ) พร้อมแคปชั่น “ลองคิดถึงตัวเองตอนอายุ 70 ดูสิ”
บนเวที ดีกรีความบ้าระห่ำและพลังเสียงสิบแปดหลอดของเขายังเหมือนเดิมทุกประการ เพียงแต่ลุคภายนอกมันเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง จนหลายคนอดสงสัยไม่ได้ว่า นี่พี่เอาฮาหรือเอาจริงวะครับ
มากกว่านั้น เริ่มมีคนตั้งข้อสังเกตว่า ผมสีเทาที่เราเห็นบนศีรษะเฟร็ดนั้นไม่ใช่ผมจริง แต่เป็นวิค! เพราะดูจากการปรากฏตัวของเขาช่วงปีหลังๆ ถ้าไม่สวมหมวก ก็จะโผล่มาแบบหัวโล้นๆ เกลี้ยงๆ - แค่เวลาไม่นาน เส้นผมบนศีรษะเขาไม่น่าขึ้นไวและหงอกได้ขนาดนี้
ข้อสังเกตนี้มีน้ำหนักมากขึ้นเมื่อเฟร็ดและวงเปิดตัวเพลงใหม่กลางงาน Lollapalooza ชื่อเพลง ‘Dad Vibes’ คนก็ยิ่งตีความกันว่า หรือการเปลี่ยนลุคให้ดูเป็น ‘รุ่นพ่อ’ ของเขาครั้งนี้ ก็เพียงเพื่อจะโปรโมตเพลงใหม่แบบเล่นใหญ่เท่านั้น
เท็จจริงเป็นอย่างไรยังไม่มีใครรู้ แต่ถ้ามันคือการโปรโมตจริงๆ ลุงแกก็ทำได้โคตรรรถึง
ทำห้าวใส่เก้าบุรุษหน้ากาก
ชาวเมทัลเฮดรุ่นมิลเลเนียลน่าจะยังจำความบาดหมางระหว่างสองวงดังแห่งยุคอย่าง Limp Bizkit และ Slipknot ได้ดี เพราะนี่คือมวยถูกคู่ที่ชกในสไตล์ ‘เดินหน้าฆ่าไม่เลี้ยง’ เหมือนกัน สมน้ำสมเนื้อสุดๆ
ย้อนไปปี 1999 อัลบั้ม Significant Other และ สตูดิโออัลบั้มเดบิวต์ของ Slipknot ที่วางแผงห่างกันสัปดาห์เดียว ต่างก็เป็นงานที่ท็อปฟอร์มจนได้รับคำสรรเสริญจากสาวกเพลงหูเหล็กโดยทั่วกันว่าเยี่ยมจริงอะไรจริง
มันควรเป็นเรื่องน่ายินดีที่ยุคสมัยใหม่ของเพลงเมทัลได้ถือกำเนิดแล้ว แต่คนเลือดร้อนและปากไวอย่างเฟร็ดไม่ได้ยินดีไปด้วย และไม่รู้อะไรดลใจให้เขาพูดแขวะรุ่นน้องบุรุษหน้ากากออกอากาศ เรียกชาว Maggots แฟนคลับของ Slipknot ว่าเป็นพวก ‘เด็กอ้วนน่าขยะแขยง’
มีหรือที่คอรีย์ เทย์เลอร์ หัวโจกแห่งวงหน้ากากจะยอม เขาสวนเฟร็ดกลับทันควัน “เฟรด..มึงอาจจะร่ำรวยและโด่งดังคับฟ้า แต่ถ้ามึงยังขืนพูดหมาๆ ใส่วงกูและแฟนๆ ของพวกกูอีกล่ะก็ กูฆ่ามึงแน่!” (โหดสัส)
เจอสวนมาอย่างนี้ เป็นใครก็แหยง ว่าแล้วลุงเฟร็ดก็แทบไม่พูดถึง Slipknot อีกเลย (เพราะคงรู้แล้วว่าไม่ควรเปิดศึกกับศัตรูรวดเดียว 9 คน หยอกๆ)
จนเวลาผ่านไป 20 กว่าปี ในคอนเสิร์ตล่าสุดของ Limp Bizkit ที่ไอโอว่า บ้านเกิด Slipknot เมื่อ 2 สิงหาคมที่ผ่านมา ลุงเฟร็ดก็ลั่นวาจากลางโชว์ว่า “Slipknot มาจากที่ไหนสักที่ในเมืองนี้ใช่ไหม” แฟนเพลงได้ยินก็เฮกันสนั่น แล้วจึงพร้อมใจกันตะโกนว่า โจอี้! วนไปเรื่อยๆ
“หลับให้สบายนะเพื่อน มาฟังซะนะ” เฟร็ดกล่าวกับคนบนฟ้า ก่อนจะทิ้งท้ายแบบสวยๆ ว่า ชีวิตคนเรานั้นแสนสั้น และพร้อมจะหายวับไปได้เสมอ “ฉะน้ัน ขอให้ทุกคนจดจำช่วงเวลาปัจจุบัน และทำแม่งให้เจ๋งที่สุดกันเถอะ”
นี่สิ…สิ่งที่แสดงให้เห็นว่า เฟร็ดเปลี่ยนไปจริงๆ ไม่ใช่ที่การแต่งตัวหรือทรงผม
มหกรรมดนตรีที่ยิ่งใหญ่และกังวานไกลถึงสวรรค์