ถ้าคุณไม่เป็นอาชญากรร้ายแรงที่ต้องถูกขังเดี่ยว ไม่มีอาชีพใดจะโดดเดี่ยวจากสังคมได้เท่านักบินอวกาศอีกแล้ว Kjell Lindgren นักบินอวกาศชาวไต้หวันผู้เคยใช้เวลา 141 วันในสถานีอวกาศ International Space Station (ISS) พร้อมทีมงานอีก 5 คนในปี 2015 และ Jocelyn Dunn วิศวกรของ NASA ผู้เคยใช้เวลาถึง 8 เดือนอยู่ในโดมจำลองสภาพอวกาศที่ Hawaii Space Exploration Analog and Simulation (Hi-Seas) ในปี 2014-2015 แชร์บทเรียนที่ได้ภายหลังที่เคยใช้ชีวิตตัดขาดจากสังคมเป็นระยะเวลานาน บทเรียนที่สามารถนำไปปรับใช้กับสถานการณ์ที่หลายคนกำลังต่อสู้กับความโดดเดี่ยวจากโรคระบาดขณะนี้
ที่มา: https://www.bbc.com/future/article/20200408-an-astronauts-guide-to-surviving-isolation
__________
จัดตารางชีวิตและอย่าปล่อยให้ตัวเองว่าง
Kjell Lindgren บอกว่าที่สถานี ISS จะมีตารางประจำวันที่ต้องทำอย่างเคร่งครัดอยู่แล้ว ทั้งการทดลอง, การซ่อมบำรุง, การประชุม, มื้ออาหาร และการออกกำลังกาย การใช้เวลาอยู่ในอวกาศจึงดูเหมือนผ่านไปเร็ว นับประสาอะไรกับการอยู่บ้านที่ซึ่งมีตัวเลือกของกิจกรรมที่มากกว่า การกำหนดตารางเวลาที่ชัดเจนในแต่ละวัน รวมถึงหางานอดิเรกทำก็ช่วยให้เราไม่รู้สึกว่าการผ่านไปในแต่ละวันช่างเปล่าประโยชน์
และอย่าลืมว่าในอวกาศ ไม่มีที่ให้คุณออกไปเดินเล่น ขณะที่การกักตัวเองอยู่ที่บ้าน ก็ไม่ได้หมายความว่าห้ามคุณออกจากบ้านโดนสิ้นเชิง คุณอาจหาเวลามาเดินเล่นสูดอากาศข้างนอกเพียงลำพัง ก่อนจะกลับไปทำงานที่วางแผนไว้ แค่นั่นก็ช่วยให้คลายเครียดได้มาก
__________
อย่าจมอยู่กับความคิดลบ และรู้จักให้อภัยหากเกิดข้อผิดพลาด
ครั้งหนึ่ง Lindgren ใช้เวลาสามชั่วโมงไปกับการซ่อมเครื่องออกกำลังกายในสถานีอวกาศ หลังจากซ่อมเสร็จ เขาก็พบว่าลืมประกอบอะไหล่บางอย่างเข้าไป และนั่นทำให้เครื่องยังคงไม่ทำงาน เมื่อเพื่อนร่วมงานช่วยกันอ่านคู่มืออย่างละเอียดจึงพบข้อผิดพลาด อย่างไรก็ดีพวกเขาก็บอกแก่ Lindgren ว่าอย่าไปกังวล เดี๋ยวค่อยซ่อมมันใหม่
แน่นอนว่าบนสถานีอวกาศ การซ่อมแซมเครื่องจักรมีความหมายโดยตรงต่อชีวิตของผู้ที่ทำงานบนนั้น หากการให้อภัยต่อความผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ ที่ไม่ส่งผลกระทบอะไรต่อภาพรวม เช่น การซ่อมเครื่องออกกำลังกาย ก็ทำให้บรรยากาศของการทำงานร่วมกันในสภาวะอันเคร่งเครียดและโดดเดี่ยวดีขึ้นได้ “หากคุณกลับจากซูเปอร์มาร์เก็ต แล้วพบว่าตัวเองลืมซื้อกระดาษชำระ หรือเผลอทำอาหารไหม้ อย่าไปเครียดกับมันนัก อย่าทำให้เรื่องเล็กเป็นเรื่องใหญ่” Lindgren กล่าว
__________
หาสมดุลระหว่างการทำกิจกรรมร่วมกับผู้อื่นและอยู่กับตัวเอง
เนื่องจากสถานีอวกาศเป็นทั้งที่ทำงานและบ้านในที่เดียว Lindgren แนะนำว่าการทำกิจกรรมสนุกๆ ทำร่วมกับคนอื่นในเวลาว่าง มีความสำคัญเท่ากับการหากิจกรรมให้ตัวเองทำเพียงลำพัง
“ที่สำคัญคือเราจำเป็นต้องสังเกตเพื่อนด้วย ในสภาวะที่ค่อนข้างเครียด เราจำเป็นต้องปล่อยให้เพื่อนร่วมงานอยู่กับตัวเองหรือมีความรู้สึกเป็นส่วนตัวเพื่อการผ่อนคลาย” Lindgren ยังเสริมว่ากิจกรรมที่เขาสนุกกับเพื่อนมากที่สุดคือการเล่นวิดีโอเกม (ที่เล่นไปในสภาพไร้น้ำหนักเช่นนั้น) ทั้งนี้การออกกำลังกายร่วมกันกับเพื่อนก็เป็นสิ่งที่ควรทำเป็นกิจวัตร ขณะที่ Jocelyn Dunn มักใช้เวลา 30 นาทีต่อวันในการนั่งสมาธิ หรือไม่ก็เขียนบันทึก เธอบอกว่าเธอจะไม่ยอมเอาเวลาครึ่งชั่วโมงนั้นไปปฏิสัมพันธ์กับใคร เราจำเป็นต้องหาเวลาให้ตัวเองบ้าง
__________
ตระหนักรู้ถึงระดับความเครียดของตัวเอง
Jocelyn Dunn ได้ทำวิจัยเกี่ยวกับระดับของความเครียดของทีมงานที่ร่วมใช้ชีวิตกับเธอในโดมอวกาศ และพบว่าการใส่สายรัดข้อมือที่ทำหน้าที่ช่วยบันทึกการเต้นของหัวใจ เป็นเทคโนโลยีที่ดีที่จะทำให้เรารู้ว่าเรามีความเครียดในชีวิตประจำวันมากน้อยแค่ไหน ทั้งนี้เพราะการใช้ชีวิตในรูปแบบซ้ำๆ เดิมๆ อาจทำให้หลายคนไม่รู้ว่าตัวเองมีความเครียดแอบแฝง การบ่งชี้ผ่านอัตราการเต้นของหัวใจทำให้เราตระหนักได้ว่ากำลังอยู่ในสภาวะที่อาจส่งผลต่อสภาพจิต และนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงกิจวัตรบางช่วงเพื่อให้รู้สึกผ่อนคลายลงมาได้
__________
คาดการณ์ถึงความขัดแย้ง และเตรียมพร้อมในการยืนระยะ
ภายหลังชีวิตที่อยู่ในโดมจำลองสภาพอวกาศผ่านไป 6 เดือน ก็มาถึงสิ่งที่ Jocelyn Dunn บอกว่าเป็นสถานการณ์ที่ผ่านมาเกินครึ่งทาง (third quarter phenomenon) ซึ่งเป็นสภาวะความเครียดของผู้ที่อยู่ในสภาพแวดล้อมจำกัด (ในทีนี้หมายถึงกลุ่มทดลองที่ตัดขาดจากสังคม) ทุกคนต่างเฝ้าคอยให้การทดลองจบสิ้น แต่ขณะเดียวกันก็รู้สึกถึงความสิ้นหวังที่เหมือนว่าจะต้องติดอยู่ในนี้ไปตลอดกาล ช่วงเวลานี้หลายคนอาจไม่มีความเกรงใจเพื่อนร่วมงาน หรือหลบมาอยู่ลำพังโดยสิ้นเชิง สิ่งนี้จำเป็นอย่างยิ่งต้องมีการพูดคุยหรือประกอบกิจกรรมที่ช่วยให้ทุกคนมีทัศนคติที่ดี
กระนั้นปัญหาก็คือในช่วง social distancing ขณะนี้ ไม่มีใครอาจทราบได้ว่าสถานการณ์จะสิ้นสุดตอนไหน Dunn จึงเสนอว่าการมีสติคาดการณ์ถึงสถานการณ์ความขัดแย้งที่เกิดจากความเครียดของคนอื่นจึงเป็นสิ่งสำคัญ กล่าวคือการหมั่นอ่านความรู้สึกของคนอื่นไปพร้อมๆ กับการตระหนักรู้ถึงความเครียดของตัวเอง
ขณะที่ Lindgren แนะนำว่าการเตรียมจิตใจให้พร้อมสำหรับการใช้ชีวิตในระยะยาวอาจเป็นทางแก้ปัญหา “ผมจะไม่พยายามนับถอยหลังถึงวันที่ภารกิจสิ้นสุด เช่นนั้นแล้วหากมีบางสิ่งเปลี่ยนแปลง มันจะไม่ส่งผลต่อสภาพจิตใจผมไปด้วย”
__________
เราเป็นส่วนหนึ่งของการแก้ปัญหาในภาพใหญ่
“หากคุณคิดอยู่เสมอว่าเป็นส่วนหนึ่งของการทำงานร่วมกับคนอื่นเพื่อแก้ไขปัญหา ผลลัพธ์จะออกมาวิเศษเสมอ” Lindgren แนะนำ ซึ่งเขาไม่ได้หมายถึงแค่ภารกิจในสถานีอวกาศ แต่พุ่งเป้ามาที่การรับมือสถานการณ์ Covid-19 ในหมู่พวกเรา (ประชากรโลก) ทุกคน
Lindgren บอกว่าเราจำเป็นต้องมองปัญหาในภาพรวม ทั้งนี้การอยู่บ้านเพื่อหยุดการแพร่เชื้อก็เป็นส่วนหนึ่งของการแก้ปัญหาในภาพรวมนี้ เนื่องจากเราเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว ครอบครัวเป็นส่วนหนึ่งของชุมชน ชุมชนเป็นส่วนหนึ่งของเมือง ของประเทศ และของโลก
“ด้วยเหตุนี้ หากคุณกำลังอยู่ที่ซูเปอร์มาร์เก็ต พร้อมกับมีห่อกระดาษชำระสองห่อใหญ่ในรถเข็น เมื่อคุณพบว่ามีลูกค้าอีกคนกระวนกระวายหาห่อกระดาษชำระที่หมดแผงไปแล้ว แบ่งให้เขาห่อหนึ่งจะเป็นไรไป…การมอบน้ำใจให้กันยังเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เราฝ่าวิกฤตครั้งนี้” เขากล่าว
__________
ชุดสถานการณ์ที่จะพาผู้อ่านไปสำรวจความสัมพันธ์ของผู้คนท่ามกลางภาวะระบาดใหม่